Web Blog การเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ประกอบการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ (สาระเพิ่ม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ส 22102 และ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส 23102 ครูชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา ในการฝึกทักษะเรียนรู้พื้นฐาน การจัดการความรู้ ทักษะภาษาดิจิตอล ทักษะการรู้คิดประดิษฐ์สร้าง ทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การสื่อสารที่มีประสิทธิผล ทักษะการสืบค้น ฯลฯ เพื่อพัฒนาไปสู่ทักษะความรู้ที่มุ่งหวังของหลักสูตร โรงเรียนมาตรฐานสากล 6 ประการ ประกอบด้วย (1) ทักษะการเรียนรู้ Learning Skills (2) ทักษะการคิด Thinking Skills (3) ทักษะการแก้ปัญหา Problerm Skills (4) ทักษะชีวิต Life Skills (5) ทักษะการใช้เทคโนโลยี Technology Skills (6) ทักษะการสื่อสาร Communication Skills ทฤษฎีระบบการเรียน KM (Knowlead Maneagement) โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม (Word Class Standard)

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หน่วยการเรียนรู้ที่2

การสถาปนากรุงศรีอยุธยา
     ในการศึกษาประวัติศาสตร์ทำให้เราทราบว่าบรรพบุรุษของไทยเป็นผู้สถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน  และในช่วงเวลาที่อาณาจักรสุโขทัยเริ่มเสื่อมอำนาจลง  อาณาจักรอยุธยาก็สถาปนาขึ้น  และดำรงอยู่เป็นราชธานีตลอดระยะเวลา 417 ปี  จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาเสียอิสรภาพให้แก่พม่า  ในปี พ.ศ. 2310 แล้ว  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้กอบกู้เอกราชของไทยคืนมา  และสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งใหม่  อาณาจักรธนบุรีดำรงอยู่มาได้ 15 ปี  ก็สิ้นสุดแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ต่อมาในปี พ.ศ. 2325  สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  ทรงสถาปนาพระราชวงศ์จักรีขึ้นปกครองแผ่นดินและตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีแห่งใหม่ของไทยสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้
     อาณาจักรอยุธยาสถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1893  และดำรงความเป็นอาณาจักรไว้ได้นานถึง 417 ปี  ย่อมต้องมีรากฐานทางสังคมและวัฒนธรรมที่เข้มแข็งพอสมควร  ดังนั้นการศึกษาประวัติศาสตร์ในสมัยอยุธยาจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ของไทยเป็นอย่างยิ่ง
          1.  ผู้ก่อตั้งอาณาจักรอยุธย  ก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะเสด็จมาสร้างกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พศ. 1893  ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าพระองค์มีเชื้อสายมาจากราชวงศ์ใด  และมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองใด  แต่มีข้อสันนิษฐานว่า  พระเจ้าอู่ทองสืบเชื้อสายมาจากทางเหนือ  ตอนบนของแม่น้ำเจ้าพระยา  ก่อนที่จะอพยพมาสร้างกรุงศรีอยุธยา
               ส่วนความคิดเห็นหนึ่งก็ว่า  พระเจ้าอู่ทองอยู่ที่เมืองอโยธยา  และทรงอพยพไพร่พลหนีโรคระบาดข้ามฝั่งแม่น้ำมาสร้างกรุงศรีอยุธยา
               นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไปว่า  พระเจ้าอู่ทองซึ่งเป็นฝ่ายละโว้ได้อภิเษกสมรสกับพระราชธิดาของกษัตริย์แห่งสุพรรณภูมิ  เพื่อจุดมุ่งหมายทางการเมืองที่จะสร้างความมั่นคงให้กับอาณาจักร
               ต่อมาเมื่อเมืองอู่ทองเกิดโรคระบาด  เกิดภัยธรรมชาติ  ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก  พระเจ้าอู่ทองจึงอพยพผู้คนไปยังทำเลที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์  (เชื่อกันว่าเป็นบริเวณที่เป็นวัดพุทไธสวรรย์ในปัจจุบัน)  ทรงสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณหนองโสนหรือบึงพระราม  แล้วสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีในปี พ.ศ. 1893  ทรงพระราชทานนามพระนครว่า  "กรุงเทพทวารวดี ศรีอยุธยา"  พระเจ้าอู่ทองเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นปฐมกษัตริย์ต้นราชวงศ์อู่ทอง  ทรงพระนามว่า  "สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1"
          2.  ที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยา   กรุงศรีอยุธยามีที่ตั้งที่เหมาะสม  เนื่องจากมีแม่น้ำสำคัญไหลผ่านถึง 3 สาย  ได้แก่
                    แม่น้ำลพบุรี      ไหลจากทางทิศเหนืออ้อมไปทางทิศตะวันตก
                    แม่น้ำป่าสัก      ไหลผ่านจากทิศตะวันออก
                    แม่น้ำเจ้าพระยา  ไหลจากทิศตะวันตกอ้อมไปทางทิศใต้
               แม่น้ำทั้ง 3 สายนี้  ไหลมาบรรจบกันล้อมรอบราชธานี  ทำให้กรุงศรีอยุธยามีลักษณะเป็นเกาะที่มีสัณฐานคล้ายเรือสำเภา  คนทั่วไปจึงเรียกอยุธยาว่า  "เกาะเมือง"  อยุธยามีทำเลทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมกับการเป็นราชธานี  ดังนี้
                    1.  เป็นที่มีความอุดมสมบูรณ์  เหมาะแก่การเพาะปลูก
                    2.  สะดวกแก่การคมนาคม  เพราะตั้งอยู่ในเส้นทางค้าขาย  ติดต่อกับหัวเมืองอื่น ๆ รวมทั้งสามารถติดต่อค้าขายกับต่างประเทศทางทะเลได้สะดวก  เพราะตั้งอยู่ตรงที่แม่น้ำใหญ่หลายสายไหลมาบรรจบกัน  รวมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาไหลออกอ่าวไทย  เรือเดินทะเลสามารถแล่นจากปากแม่น้ำเข้ามาทอดสมอได้ถึงหน้าเมือง  ทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นชุมทางการค้าขายที่สำคัญ
                    3.  มีความเหมาะสมด้านยุทธศาสตร์  กล่าวคือ  เมื่อมีข้าศึกยกทัพมาตี  ข้าศึกจะสามารถตั้งค่ายล้อมเมืองได้ถึงฤดูแล้งเท่านั้น  เพราะเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก  น้ำจะหลากท่วมขังบริเวณรอบตัวเมือง  ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการที่ข้าศึกจะยกทัพเข้าโจมตีและทำให้ขาดแคลนเสบียงอาหาร  ข้าศึกจึงต้องถอยทัพกลับไป
               สภาพทำเลที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยาที่มีความเหมาะสมดังกล่าว  ทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นนครราชธานีอันยิ่งใหญ่ของชาติไทยมายาวนานตลอด 417 ปี (พ.ศ. 1893 - 2310)  และมีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์อย่างเห็นได้ชัดทั้งทางด้านการเมืองการปกครอง  เศรษฐกิจ  สังคม  และศิลปวัฒนธรรม
          3.  รายพระนามพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา  ตลอดระยะเวลา 417 ปี  ที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทย  ได้มีพระมหากษัตริย์ปกครองสืบต่อกันมา 5 ราชวงศ์  รวมทั้งสิ้น 33 พระองค์
               1.  พระราชวงศ์อู่ทอง
                    -  สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระจ้าอู่ทอง)  ครองราชย์ พ.ศ. 1893 - 1912
                    -  สมเด็จพระราเมศวร  ครองราชย์ พ.ศ. 1912 - 1913  และ พ.ศ. 1931 - 1938
                    -  สมเด็จพระรามราชาธิราช  ครองราชย์  พ.ศ. 1938 - 1952
               2.  สุพรรณภูมิ
                    -  สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพ่องั่ว)  ครองราชย์  พ.ศ. 1913 - 1931
                    -  สมเด็จพระเจ้าทองลัน  (ทองจันทร์)  ครองราชย์  พ.ศ. 1931 - 1931
                    -  สมเด็จพระอินทราธิราช (เจ้านครอินทร์)  ครองราชย์  พ.ศ. 1952 - 1967
                    -  สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2  (เจ้าสามพระยา)  ครองราชย์  พ.ศ. 1967 - 1991
                    -  สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ  ครองราชย์  พ.ศ. 1991 - 2031
                    -  สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3  ครองราชย์  พ.ศ. 2031 - 2034
                    -  สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2  ครองราชย์  พ.ศ. 2034 - 2072
                    -  สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4  (หน่อพุทธางกูรหรือพระอาทิตยวงศ์)  ครองราชย์  พ.ศ. 2072 - 2076
                    -  สมเด็จาพระรัษฎาธิราชราชกุมาร  ครองราชย์  พ.ศ. 2076 - 2077
                    -  สมเด็จพระไขยราชาธิราช  ครองราชย์  พ.ศ. 2077 - 2089
                    -  สมเด็จพระยอดฟ้า (พระแก้วฟ้า)  ครองราชย์  พ.ศ. 2089 - 2091
                    -  สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ  ครองราชย์  พ.ศ. 2091 - 2111
                    -  สมเด็จพระมหินทราธิราช  ครองราชย์  พ.ศ. 2111 - 2112
               3.  สุโขทัย
                    -  สมเด็จพระมหาธรรมราชา  ครองราชย์  พ.ศ. 2112 - 2133
                    -  สมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ครองราชย์  พ.ศ. 2133 - 2148
                    -  สมเด็จพระเอกาทศรถ  ครองราชย์  พ.ศ. 2148 - 2163
                    -  สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์  ครองราชย์  พ.ศ. 2163 - 2163
                    -  สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม  ครองราชย์  พ.ศ. 2163 - 2173
                    -  สมเด็จพระเชษฐาธิราช  ครองราชย์  พ.ศ. 2171 - 2173
                    -  สมเด็จพระอาทิตยวงศ์  ครองราชย์  พ.ศ.  2173 - 2173
               4.  ปราสาททอง
                    -  สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง  ครองราชย์  พ.ศ. 2173 - 2198
                    -  สมเด็จเจ้าฟ้าไชย  ครองราชย์  พ.ศ. 2198 - 2199
                    -  สมเด็จพระสุธรรมราชา  ครองราชย์  พ.ศ. 2199 - 2199
                    -  สมเด็จพระนารายณ์มหาราช  ครองราชย์  พ.ศ. 2199 - 2231
               5.  บ้านพลูหลวง
                    -  สมเด็จพระเพทราชา  ครองราชย์  พ.ศ. 2231 - 2245
                    -  สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ)  ครองราชย์  พ.ศ. 2245 - 2252
                    -  สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 (พระเจ้าท้ายสระ)  ครองราชย์  พ.ศ. 2252 - 2275
                    -  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  ครองราชย์  พ.ศ. 2275 - 2301
                    -  สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด)  ครองราชย์  พ.ศ. 2301 - 2301
                    -  สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ)  ครองราชย์  พ.ศ. 2301 - 2310

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น